วัดร่องขุ่น ปราสาทสีขาวแห่งล้านนา
กลับจากกัมพูชา ตั้งใจจะหยุดพักผ่อนให้เต็มที่ในวันหยุดสามวันถัดมา แต่พอพี่สาวเจ้าเก่าชวนให้ไปเชียงรายด้วยกันเท่านั้นแหล่ะ ..เรื่องพักผ่อนเอาไว้ทีหลังก็ได้ เพราะการไปเชียงรายต้องเป็นการพักผ่อนที่ดีกว่าแน่ๆ เป้าหมายของการไปเชียงรายในครั้งนี้คืออยากไปเยี่ยมชมวัดร่องขุ่นอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แบบไม่ต้องรีบร้อนแข่งกับเวลาที่อัดแน่นด้วยรายการท่องเที่ยวเหมือนอย่างที่เคยไปมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน
เราออกจากตาคลีราวตีห้า แวะกินมื้อเช้าแถวกำแพงเพ็ชร แล้วมุ่งหน้าขึ้นเหนือผ่านจังหวัดตาก ลำปาง มื้อกลางวันไม่ให้เป็นภาระยุ่งยากจึงฝากท้องไว้ที่ปั้มแถวจังหวัดพะเยา แล้วเข้าสู่เชียงราย ถึงวัดร่องขุ่นช่วงบ่ายแก่ๆ อากาศกำลังเย็นสบาย ใช้เวลาชื่นชมความงามวิจิตรของวัดร่องขุ่นทุกซอกทุกมุมจนอิ่มเอมใจ ให้สมกับที่ขับรถมาตั้งไกลเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะจากวัดร่องขุ่นขับรถต่อขึ้นไปทางดอยแม่สะลอง ทิวทัศน์สองข้างทางสวยงาม ยิ่งใกล้จุดหมายปลายทางมากขึ้นเท่าไร ถนนก็ยิ่งแคบเล็กและสูงชันมากขึ้นเท่านั้น แต่เมื่อถึงที่พักก็เหมือนได้หลุดไปสู่อีกโลกหนึ่งซึ่งมีแต่ความสงบงามของธรรมชาติ แสงแดดเริ่มเหลือน้อยเต็มที แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการถ่ายภาพแม้ภาพสุดท้ายที่กดชัตเตอร์ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไปแล้วก็ตาม
ค่ำคืนนี้เราอยู่ท่ามกลางธรรมชาติโดยแท้จริง กระท่อมไม้ไผ่หลังน้อยซ่อนตัวอิงแอบแนบชิดอยู่กับเชิงเขา บดบังด้วยสุมทุมพุ่มไม้จนแทบมองไม่เห็น สิ่งอำนวยความสะดวกภายในบ้านที่ถูกใช้บริการจากเรา เห็นจะมีเพียงเครื่องทำน้ำอุ่นเท่านั้น อย่างอื่นกลายเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับอากาศที่หนาวเย็นยามนี้ ทั้งสระว่ายน้ำเล็กๆที่ยื่นล้ำออกไปจากระเบียงหน้าบ้าน อ่างอาบน้ำเปิดโล่งกลางบ้าน หรือแอร์ตัวน้อยที่ติดผนังห้อง ล้วนแต่ไม่จำเป็นสำหรับเราทั้งสิ้น ทีวีไม่มี สัญญาณอินเตอร์เน็ตเข้าไม่ถึง แล้วจะมีอะไรให้ทำดีไปกว่านอนฟังเสียงลมเสียงป่าขับกล่อมให้หลับไหลฝันดีตลอดคืนอันยาวนานเช่นนี้
ฉันตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่พบว่าท้องฟ้าปิด จึงไม่มีโอกาสได้เห็นท้องฟ้าสีทองรับอรุณ แต่อากาศที่เย็นยะเยือกจับใจก็ ชดเชยความผิดหวังได้เป็นอย่างดี คนหนึ่งยังหลับสบายอยู่ในบ้าน อีกคนออกเดินท่อมๆถ่ายรูปมวลหมู่ดอกไม้ใบหญ้า จนสายก็ไม่รู้ว่าสายเพราะรอบตัวมีแต่สายหมอกโรยตัวจางๆไปทั่ว และเป็นเช่นนั้นไปตลอดทั้งวันแม้เมื่อไปเดินอยู่ในตลาดแม่สายจะเป็นเวลาเที่ยงจนบ่ายคล้อย ก็ยังหาดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าไม่พบอยู่ดี
จากแม่สายถึงแม่เมาะ
จากแม่สายถึงลำปางต้องใช้เวลาเดินทางสามชั่วโมงกว่า เราจึงต้องรีบทำเวลาเพื่อไม่ให้ถึงลำปางค่ำจนเกินไปเพราะเพื่อนที่นัดหมายติดต่อที่พักไว้ให้เริ่มกังวลใจกับการเดินทางของเรา แต่ทิวทัศน์สองข้างทางระหว่างเทือกเขาของอำเภองาวก็สวยงามเป็นใจให้ขับรถแข่งกับเวลาได้ดีเหลือเกิน
ถึงที่บ้านพักบนเกาะลอยของโรงไฟฟ้าแม่เมาะเกือบสามทุ่ม เหนื่อยล้าและหนาวเย็นเกินกว่าจะชื่นชมสิ่งใดได้ในตอนนี้ จวบจนรุ่งเช้าจึงได้เห็นทิวทัศน์ของบึงน้ำด้านหน้าทีพักเต็มตา ก่อนจะออกเดินทางต่อเข้าไปด้านในของบริเวณโรงไฟฟ้า ยิ่งขึ้นไปสู่จุดที่สูงมากขึ้นเท่าไร ทิวทัศน์ของเหมืองแม่เมาะก็ยิ่งดูห่างไกลและต่ำลึกลงไปมากขึ้นเท่านั้น จากจุดชมวิวสุงสุดของภูเขา เราสามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบตัว 360องศา ได้เห็นทิวทัศน์ของเขื่อนเก็บน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างหุบเขาสลับซับซ้อน สีฟ้าของผืนน้ำกลมกลืนกับสีที่เข้มกว่าของแนวภูเขาด้านหลังดูสวยงามดุจภาพวาด
ถึงที่บ้านพักบนเกาะลอยของโรงไฟฟ้าแม่เมาะเกือบสามทุ่ม เหนื่อยล้าและหนาวเย็นเกินกว่าจะชื่นชมสิ่งใดได้ในตอนนี้ จวบจนรุ่งเช้าจึงได้เห็นทิวทัศน์ของบึงน้ำด้านหน้าทีพักเต็มตา ก่อนจะออกเดินทางต่อเข้าไปด้านในของบริเวณโรงไฟฟ้า ยิ่งขึ้นไปสู่จุดที่สูงมากขึ้นเท่าไร ทิวทัศน์ของเหมืองแม่เมาะก็ยิ่งดูห่างไกลและต่ำลึกลงไปมากขึ้นเท่านั้น จากจุดชมวิวสุงสุดของภูเขา เราสามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบตัว 360องศา ได้เห็นทิวทัศน์ของเขื่อนเก็บน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างหุบเขาสลับซับซ้อน สีฟ้าของผืนน้ำกลมกลืนกับสีที่เข้มกว่าของแนวภูเขาด้านหลังดูสวยงามดุจภาพวาด
โชคดีเหลือเกินที่ตัดสินใจมาพักที่แม่เมาะ
ทำให้รู้ว่าเมืองไทยมีสถานที่สวยงามซ่อนอยู่ที่นี่อีกแห่งหนึ่ง
การเดินทางครั้งนี้ยังไม่จบ แต่อยากพักเรื่องไว้แค่นี้ก่อน
เพราะสิ่งที่ได้พบเห็นหลังจากนี้น่าประทับใจ
เกินกว่าจะเขียนลวกๆเร็วๆเพียงเพื่อให้จบๆไปเท่านั้น......
<<<พบกันที่แพร่ตอนต่อไป>>>
^-^
เพราะสิ่งที่ได้พบเห็นหลังจากนี้น่าประทับใจ
เกินกว่าจะเขียนลวกๆเร็วๆเพียงเพื่อให้จบๆไปเท่านั้น......
<<<พบกันที่แพร่ตอนต่อไป>>>
^-^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น